วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อึ่งอ่าง สึกพระ


พออัตตาตัวตนมันใหญ่โตมากเข้า บางที่มันก็ “อวดเบ่ง” ไปเรื่อยนะครับ สำหรับ อึ่งอ่างตัวนี้ โดยล่าสุด ก็ได้แสดง “ตรรกะ(บือ)” จับแพะชนแกะ แล้วก็สำรอก “ความโง่” ออกมาประจานตนเองในที่สาธารณะ อย่างไม่มียางอาย .... เฮ้อออออออ

ท่านพุทธทาส ก็เพียงแค่บอกว่า เหตุผลที่ต้อง ฉีกพระไตรปิฎก 30-60 % ก็เพราะ ….

ถ้าเสนอแก่นักศึกษาปัญญาชนเจือวิทยาศาสตร์ ฉีก 30 %
ถ้าเสนอแก่นักวิทยาศาสตร์โบราณคดี เอาออก 30 %
เหลือ 40 % ก็ยังมากกว่าไบเบิล/โก้หร่านตั้ง 10 เท่า

ดังนั้น ที่ท่านพุทธทาสกล่าวว่า ....

ที่ยอมรับไม่ได้
๘. วินัยปิฎก(ทั้งหมด) เพราะเฉพาะการเป็นอยู่ของภิกษุ

มันก็ต้องหมายความเพียงแค่ว่า ....
พระวินัย เป็นเรื่องของภิกษุ ไม่ใช่เรื่องของ ชาวบ้าน (นักศึกษาปัญญาชนเจือวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์โบราณคดี) จึงไม่จำเป็นต้องนำมาแสดง(สอน)กับเขาเหล่านั้น !!!!

แล้วมันจะกลายเป็น ....

ข้าพเจ้า พระภิกษุชื่อ อินทปัญโญ ไม่ยอมรับวินัยปิฎก(ทั้งหมด) เพราะเฉพาะการเป็นอยู่ของภิกษุ

ไปได้อย่างไร (?)

และคำว่า “ฉีก” นั้นก็หมายความเพียงว่า ....

อาจารย์หมายความว่าอย่างไรครับ คำว่าฉีกของอาจารย์

ปลดออก ระงับเสีย สำหรับเมื่อจะแสดงแก่คนชนิดไหน ถ้าจะมีสำหรับคนทั่วไป คนพื้นฐานที่ไร้การศึกษาก็ไม่ต้องฉีกออก และไม่มีอะไรที่จะต้องฉีกออก แต่ถ้าจะแสดงแก่นักวิทยาศาสตร์แท้จริง นักโบราณคดีแท้จริง ต้องปลด ๆ ออกเสีย ๖๐% เหลือ ๔๐% จึงจะสะอาด สะอาดบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เหลือแต่แกนกับแก่น เหลือแต่เพชรเหลือแต่ทองคำ (หัวเราะ)

แสดงว่าอาจารย์ไม่ได้เสนอให้เขาเปลี่ยนแปลงพระไตรปิฎกฉบับหลวงว่า ให้เอาสูตรนั้นออก สูตรนี้ออก

ไม่ (เสียงดุ) ไม่ได้ไปแตะต้องฉบับไหนโดยตรง ฉบับไหนก็ตรงกันหมด บอกแต่ว่า เมื่อจะเอามาเผยแผ่ ให้แก่นักวิทยาศาสตร์ และนักโบราณคดี เขาจะรู้ว่าพระไตรปิฎกเป็นมาอย่างไร เขาศึกษาเอาจากสำนวนที่มันต่าง ๆ กัน อย่างอภิธรรมนี่นักโบราณคดีไม่ยอมรับ

http://www.buddhadasa.org/html/life-work/bio/tell_chapter6-04.html

ชัดเจนแล้วเนอะ .... ยังโง่ได้อีก ไหมเนี่ยยยยยยยย (?)






หลักฐานและหลักการ ที่ควรค่าแก่การพิจารณาสำหรับ นาย อึ่งอ่างทางธรรม





จากภาพที่เห็นอยู่นี้ ย่อมควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ถ้าหากว่า “ตรรกะ(บือ) ถ่อยๆของนาย อึ่งอ่าง เป็นความจริง กล่าวคือ พระพุทธองค์ได้เคยตรัสถึง บุคคลที่ไม่ควรไหว้ ๑๐ จำพวก เอาไว้ดังนี้ว่า ....

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ อันภิกษุไม่ควรไหว้คืออันภิกษุผู้อุปสมบทก่อนไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทภายหลัง ๑ ไม่ควรไหว้อนุปสัมบัน ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาสผู้แก่กว่า แต่ไม่ใช่ธรรมวาที ๑ ไม่ควรไหว้มาตุคาม ๑ ไม่ควรไหว้บัณเฑาะก์ ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อยู่ปริวาส ๑ ไม่ควรไหว้ ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรมานัต ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ประพฤติมานัต ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรอัพภาน ๑บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล อันภิกษุไม่ควรไหว้ ฯ

อีกทั้งยังตรัสถึง บุคคลที่ควรไหว้ ๓ จำพวก กล่าวคือ ....

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ ภิกษุควรไหว้ คือภิกษุผู้อุปสมบทภายหลัง ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทก่อน ๑ ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาสผู้แก่กว่า แต่เป็นธรรมวาที ๑ ควรไหว้ตถาคตผู้อรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ในโลกทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล ภิกษุควรไหว้ ฯ (อ้างจาก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๒ ข้อ ๒๖๔)

ท่านพุทธทาส อุปสมบทเมื่อ พุทธศักราช ๒๔๖๙
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อุปสมบทเมื่อ พุทธศักราช ๒๔๗๖
สรุปก็คือ ท่านพุทธทาส แก่พรรษากว่าสมเด็จพระญาณสังวรฯ ๗ ปี

ประเด็นแรก ก็คือ ถ้าท่านพุทธทาส ได้บอกคืนสิกขาบท(=ลาสิกขาบท) จริง นั่นก็ย่อมเท่ากับ นายอึ่งอ่างผู้นี้ กล่าวว่า สมเด็จพระญาณสังวรฯ ไหว้ อนุปสัมบัน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระบัญญัติ จะเอาอย่างนั้นเลยหรือครับท่าน (?)

ล็อกอิน EvaAngelion คงต้องอธิบายความข้อนี้ให้ชัดเจนนะครับ !!!!

ประเด็นที่ ๒ ขอให้สังเกตด้วยว่า การที่ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ไหว้ท่านพุทธทาส นั้นย่อมเป็นการพ้นไปจาก “อคติ” ทางนิกาย กล่าวคือ นับแต่โบราณมา ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ย่อมถือว่า ฝ่ายมหานิกายเป็นเพียงแค่ อนุปสัมบัน(คือสามเณร) ด้วยเหตุที่สวดญัตติไม่ถูกต้อง และแน่นอนเช่นกันว่า ภิกษุธรรมยุติแต่เดิมมานั้น ย่อมไม่ไหว้ และไม่ทำสังฆกรรมร่วมกับฝ่ายมหานิกาย
ดังนั้น เมื่อพิจาณาในแง่ของนิกาย ก็ย่อมชัดเจนว่า สมเด็จพระญาณสังวรฯ ย่อมไม่เห็นว่า ท่านพุทธทาส เป็นเพียงแค่อนุปสัมบัน(สามเณร)ตามคติของฝ่ายธรรมยุติกนิกายสมัยโบราณ และ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ย่อมไม่เห็นว่า ท่านพุทธทาสเป็นฆราวาส อย่างที่นายอึ่งอ่างสำรอกความออกมาเป็นแน่ ก็เลยดูเหมือนกับว่า นาย EvaAngelion ผู้นี้ คงจะมีภูมิรู้ภูมิธรรม “สูงส่ง” ยิ่งไปกว่า สมเด็จพระญาณสังวรฯ เสียอีก .... หรือจะว่าอย่างไรครับ (?)

ประเด็นที่ ๓ และต่อให้ สมเด็จพระญาณสังวรฯ เห็นว่าท่านพุทธทาสเป็นภิกษุต่างนิกาย แต่พระพุทธบัญญัติก็ระบุเอาไว้อย่างชัดแจ้งว่า “ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาสผู้แก่กว่า แต่เป็นธรรมวาที” ซึ่งในกรณีนี้ ท่านพุทธทาสแก่พรรษากว่า สมเด็จพระญาณสังวรฯ ๗ ปี กระนั้น ยังเงื่อนไขมีต่อไปอีกว่า แม้พรรษามากกว่าก็จริง แต่ถ้าภิกษุต่างนิกายนั้น ไม่ใช่ธรรมวาที ก็ไม่ควรไหว้
ดังนั้น การที่ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ไหว้ท่านพุทธทาส ก็ย่อมเท่ากับว่า พระองค์ทรงยืนยันด้วยพระองค์เองอยู่แล้วว่า ท่านพุทธทาสคือภิกษุผู้เป็นธรรมวาที
หรือ พูดอีกแบบหนึ่ง ก็คือ การที่นาย EvaAngelion กล่าวจาบจ้วงท่านพุทธทาสว่า มิได้เป็นภิกษุแล้วนั้น ก็ย่อมมีค่าเท่ากับ นายคนนี้ ดูหมิ่นภูมิรู้ภูมิธรรม และพระบารมีของสมเด็จพระญาณสังวรฯ ว่าไม่รู้แม้กระทั่งว่า อะไรถูกอะไรผิด ....

และหากยังจะหน้าด้านหน้าทน ดื้อด้านไม่ยอมรับผิด ผมเห็นว่า นาย EvaAngelion ก็คงต้องไปกราบทูลสมเด็จพระญาณสังวรฯเสียแล้วว่า พระองค์ท่านทรงทำผิดพระพุทธบัญญัติ ด้วยเหตุที่พระองค์ท่านไปไหว้ อนุปสัมบัน คือท่านพุทธทาส ผู้ซึ่งบอกคืนสิกขาบทไปเสียแล้วตามอัตโนมัติของนาย EvaAngelion ผู้เป็นอึ่งอ่างทางธรรม ….

EvaAngelion คงต้องเลือกทำอะไรสักอย่างแล้วนะครับ .... จะเอาอย่างไร ก็ว่ามา !!!!



ฤทธี


http://www.oknation.net/blog/SiamBhikhunis

http://rittijanson.blogspot.com/